นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับผู้มีส่วนได้เสียภายนอก
(Privacy Policy for External Stakeholder)
บริษัท เอ.ที.อี. มัสกาตี จำกัด, บริษัท เทวรายา จำกัด,
บริษัท เอเต้ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เอเต้ม (ประเทศไทย) จำกัด
—————————————————————————————————————
บริษัท เอ.ที.อี. มัสกาตี จำกัด, บริษัท เทวรายา จำกัด, บริษัท เอเต้ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เอเต้ม (ประเทศไทย) จำกัด (ต่อไปในนโยบายนี้เรียกว่า “บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนได้เสียภายนอก (รวมเรียกว่า “ข้อมูล”) เพื่อให้ท่านเชื่อมั่นว่าบริษัทมีความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) นี้จึงได้ถูกจัดทำขึ้น เพื่อชี้แจงแก่ท่านถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย (รวมเรียกว่า “ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งดำเนินการโดยบริษัท รวมถึงเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ผู้ดำเนินการแทนหรือในนามของบริษัท โดยมีเนื้อหาสาระดังต่อไปนี้- ขอบเขตการบังคับใช้นโยบาย
- ลูกค้า และผู้ใช้บริการบุคคลธรรมดา ซึ่งรวมถึง บุคคลธรรมดาที่ใช้หรือเคยใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ ผู้ติดต่อสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือบริการ ผู้ที่รับทราบข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือบริการผ่านสื่อต่าง ๆ และผู้ที่ได้รับการเสนอหรือชักชวนจากบริษัทให้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ
- คู่ค้า และพันธมิตรในการทำธุรกิจของบริษัท
- ผู้ลงทุน ผู้ถือหุ้น กรรมการ และที่ปรึกษาของบริษัท
- คำนิยาม
- บริษัท หมายถึง บริษัท เอ.ที.อี. มัสกาตี จำกัด, บริษัท เทวรายา จำกัด, บริษัท เอเต้ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เอเต้ม (ประเทศไทย) จำกัด
- ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
-
- ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งได้แก่ ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
- การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึก สำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผย ส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ ทำลาย เป็นต้น
- เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
-
- ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่ง หรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
- บริษัทในเครือ หมายถึง บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกันโดยการถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทที่ถูกถือหุ้นนั้น
- แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงในช่องทางการให้บริการต่าง ๆ ของบริษัท หรือช่องทางให้บริการอื่นที่ควบคุมดูแลโดยบริษัท
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท และ/หรือจากการเข้าใช้งานแอปพลิเคชันของบริษัท
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากบริษัทในเครือ
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากบุคคลที่สาม โดยบุคคลที่สามดังกล่าวมีอำนาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายกับบริษัท เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทที่มีความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับท่าน ข้อมูลส่วนบุคคลทีได้รับจากหน่วยงานรัฐเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เป็นต้น
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากข้อมูลสาธารณะและที่ไม่ใช่สาธารณะที่บริษัทมีสิทธิเก็บรวมรวมได้ตามกฎหมาย
- ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจะจัดเก็บและประมวลผล
- ข้อมูลส่วนบุคคล
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล | รายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวที่บริษัทอาจรวบรวม |
---|---|
ข้อมูลส่วนตัวทั่วไปที่ปรากฏอยู่ในเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว นามบัตร เป็นต้น |
|
ข้อมูลการติดต่อที่ปรากฏอยู่ในเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว นามบัตร เป็นต้น |
|
ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของท่านในการใช้บริการ หรือติดต่อธุรกรรมการบริษัท |
|
ข้อมูลทางการเงินในการใช้บริการ หรือติดต่อธุรกรรมการบริษัท |
|
ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้บริการของท่าน |
|
ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว |
|
- ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว | รายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ที่บริษัทอาจรวบรวม |
---|---|
ข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว นามบัตร เป็นต้น |
|
ข้อมูลชีวภาพ (Biometric) |
|
ข้อมูลในการตรวจสอบประวัติ |
|
- ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
- วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
- เพื่อพิจารณาการเข้าทำสัญญา ดำเนินการตามความสัมพันธ์ทางสัญญา และ/หรือการดำเนินการตามนิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัท ฯ และเพื่อดำเนินธุรกรรมทางการเงินและบริการที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน รวมถึงการตรวจสอบ และการยกเลิกธุรกรรม
- เพื่อตอบรับ ดำเนินการ จัดการ หรือทำธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์ และ/หรือทำตามการร้องขอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการจากท่าน และแจ้งให้ท่านทราบเกี่ยวกับปัญหาด้านการบริการและการดำเนินการเกี่ยวกับบัญชี ที่มีความผิดปกติ
- เพื่อป้องกันความปลอดภัยและสิทธิ ทรัพย์สินส่วนบุคคล หรือความปลอดภัยของบุคคลอื่น
- เพื่อการติดต่อสื่อสาร แจ้ง และ/หรือ รับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ จากบริษัท หรือในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท หรือนิติสัมพันธ์ที่ระหว่างท่านกับบริษัท
- เพื่อการลงทะเบียน การระบุตัวตน (identity) การตรวจสอบยืนยันตัวตน (verification) หรือการตรวจสอบ (due diligence) หรือ การรู้จักตัวตนของลูกค้า
- เพื่อจัดการหรืออำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ท่านอันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ปฏิบัติตามคำขอของท่าน จัดการหรือตอบข้อซักถามที่ได้รับ (หรืออ้างว่าได้รับ) จากท่านหรือในนามของท่าน
- เพื่อยกระดับการดำเนินธุรกิจ ผลิตภัณฑ์และการบริการให้ดียิ่งขึ้น โดยการนำข้อมูลส่วนบุคคลมาประเมิน พัฒนา ศึกษาและวิจัย เพื่อระบุปัญหา การแก้ปัญหา และแนวทางในการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการของบริษัทที่ท่านจะได้รับต่อไป
- เพื่อป้องกันหรือตรวจสอบ การละเมิดหรือสงสัยว่าจะเป็นการกระทำละเมิดเกี่ยวกับข้อกำหนดในเงื่อนไขการให้บริการของบริษัท การฉ้อโกง กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย การละเลยหรือการประพฤติผิด ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับการใช้บริการของบริษัทหรือเรื่องอื่น ๆ ที่เกิดจากความสัมพันธ์ของท่านกับบริษัท
- เพื่อดำเนินการตามความประสงค์ของท่านที่ได้แจ้งไว้ให้กับบริษัท
- เพื่อการดำเนินการใดที่จำเป็นและเหมาะสมในกรณีต่าง ๆ ดังนี้
- ตรวจสอบและป้องกันการทำละเมิดหรืออาจจะละเมิดต่อกฎหมาย
- ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรค
- ปฏิบัติตามคำขอของหน่วยงานรัฐหรือรัฐบาล รวมถึง หน่วยงานศาล และหน่วยงานรัฐหรือรัฐบาลต่างประเทศที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาศัยอยู่
- บังคับและปฏิบัติข้อกำหนดเกี่ยวกับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
- ความจำเป็นในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในชั้นศาล
- ปกป้อง เยียวยา ผลประโยชน์ ชื่อเสียง ทรัพย์สิน ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท
- ปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยหรือ ทรัพย์สินของบริษัท บุคลากร เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และบุคคลอื่น
- เพื่อการพิจารณากลุ่มลูกค้าเพื่อการนำส่งคำเชิญเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท ฯ หรือการส่งเสริมการขายตามความเหมาะสม
- เพื่อนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรม งานอีเว้นท์ หรือการประชุมที่บริษัทจัดขึ้น รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเข้าร่วมกิจกรรม (เช่น การลงทะเบียนเข้างาน)
- เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และ/หรือสิทธิพิเศษที่ท่านร้องขอ หรือการแจ้งสิทธิประโยชน์ของท่าน
- เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการประเภทเดียวกัน หรือใกล้เคียงกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัท
- เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย (เช่น การให้สิทธิประโยชน์และของรางวัล)
- เพื่อวิเคราะห์ วิจัย และ/หรือจัดทำข้อมูลทางสถิติเพื่อใช้ในการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการภายในองค์กรของบริษัท
- เพื่อดำเนินการทางการตลาด การนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรม รวมถึงข่าวสาร คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และโปรโมชั่นที่คัดสรรอย่างเหมาะสม และการออกกลยุทธ์ทางการตลาด
- วัตถุประสงค์อื่น ๆ ซึ่งจะบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบเมื่อทำการขอความยินยอมจากท่าน
- การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บุคคลอื่น
- บริษัทในเครือ
- พันธมิตรทางธุรกิจ
- ลูกค้าผู้ใช้บริการและ/หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท
- ผู้รับจ้าง ตัวแทน ผู้ให้บริการ และบุคคลที่สามอื่น ๆ ที่บริษัทใช้บริการเพื่อสนับสนุนกิจการของบริษัท ซึ่งรวมไปถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ บุคคลดังกล่าวข้างต้นซึ่งเป็นผู้ให้บริการบริการจัดการหรือให้บริการอื่น ๆ แก่บริษัท เช่น บริษัทรับส่งจดหมายและพัสดุไปรษณีย์ บริษัทที่ให้บริการทางการเงิน บริษัทผู้ตรวจสอบ บริษัทคู่ค้าสื่อโฆษณาและการตลาด บริษัทโทรคมนาคม บริษัทสารสนเทศ และศูนย์ข้อมูล
- บุคคลภายนอก หน่วยงานเอกชน หน่วยงานรัฐบาลตามที่เจ้าหน้าที่รัฐร้องขอหรือตามที่กฎหมายกำหนด
- การโอนข้อมูลไปยังประเทศอื่น/การโอนข้อมูลข้ามประเทศ
- ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
- มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
1.สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนา และขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้โดยปราศจากความยินยอมของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัท มีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านด้วยเหตุตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
2.สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน หากท่านพบว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน หรือไม่เป็นปัจจุบัน ท่านมีสิทธิขอให้แก้ไข เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
3.สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
4.สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ในกรณีดังต่อไปนี้เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัททำการตรวจสอบตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
-
- ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งในการเก็บรวบรวม แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลประสงค์ให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไป เพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมาย
- เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังพิสูจน์ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
5.สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท)
6.สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าความยินยอมนั้นจะได้ให้ไว้ก่อนหรือหลังพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ) ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรักษาโดยบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้บริษัทจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไป หรือยังคงมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัทที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่
7.สิทธิในการขอรับ ส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัท ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงอาจขอให้ บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ทั้งนี้ การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
กรณีที่ท่านประสงค์จะขอใช้สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ได้ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ให้ท่านติดต่อบริษัทตามช่องทางในข้อ 12 แล้วส่งมายังช่องทางการบริษัทตามข้อ 12 อย่างไรก็ตามการใช้สิทธิของท่านอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัท ฯ อาจะปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น โดยหากบริษัทปฏิเสธคำขอ บริษัทจะแจ้งเหตุแห่งการปฏิเสธให้ท่านทราบ 11.การใช้คุกกี้ บริษัทเก็บรวบรวม และใช้คุกกี้รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ในลักษณะเดียวกันในเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของบริษัท เช่น www.atems.com, www.atemac.co.th หรือแอปพลิเคชัน บนอุปกรณ์ของท่าน ตามแต่บริการที่ท่านใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินการด้านความปลอดภัยในการให้บริการของบริษัท และเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใช้งานได้รับความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานบริการของบริษัท และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของบริษัทให้ตรงกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น โดยท่านสามารถตั้งค่า หรือลบการใช้งานคุกกี้ได้ด้วยตนเองจากการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ของท่าน อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถตั้งค่าไม่ให้มีการรับ Cookies ระหว่างการใช้งานเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน โดยเปิดแอปพลิเคชัน โปรแกรมค้นดูเว็บไซต์ จากอุปกรณ์การค้นหาของท่าน จากนั้นไปที่การตั้งค่า คุกกี้ และเปิดหรือปิดคุกกี้ 12.ท่านจะติดต่อบริษัทได้อย่างไร หากท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะ หรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท หรือเกี่ยวกับนโยบายนี้ หรือท่านต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่1.ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
- ชื่อ: บริษัท เอ.ที.อี. มัสกาตี จำกัด, บริษัท เทวรายา จำกัด, บริษัท เอเต้ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เอเต้ม (ประเทศไทย) จำกัด
- สถานที่ติดต่อ: 98 หมู่ 2 ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
- ช่องทางการติดต่อ: 02-4821111 – 22
2.เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
- ชื่อ: นางกนกวรรณ รัตนนิรันดร
- สถานที่ติดต่อ: 98 หมู่ 2 ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
- ช่องทางการติดต่อ: email address accadmin@atems.com โทรศัพท์ 02-4821111 – 22